19.3.53

ชีวิตที่ลงตัวของ "อลงกกรณ์ พลบุตร"

ในขณะที่คนทั่วไปมองภาพของ “อลงกรณ์ พลบุตร” เป็นมือปราบรัฐสภา ติดตามตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่นมาแล้วหลายเรื่อง ตั้งแต่เรือขุดเอลลิคอตต์ จนล่าสุดโด่งดังในการตรวจสอบ การทุจริตการซื้อปุ๋ยอินทรีย์ แต่อีกด้านหนึ่งมีน้อยคนที่จะรู้ว่า “อลงกรณ์” หรือที่เพื่อนสนิทเรียกว่า “เสี่ยจ้อน” เป็นคนอ่อนโยน และรักครอบครัวเป็นที่สุด
“ผมแต่งงานกับ “แอ๊ว” มาแล้วเกือบ 7 ปี มีลูก 3 คน คนโตชื่อ “น้องพลอย” หรือชื่อจริง สภาวรรณ อายุ 6 ขวบ คนรองชื่อ “น้องเพชร” ธัชธรรม อายุ 4 ขวบ และคนเล็ก ชื่อ “น้องเพื่อน” พิมพ์สภา อายุเพิ่งขวบกว่า ชื่อ “เพื่อน” นี้ “น้องพลอย” เป็นคนตั้งเอง “อลงกรณ์ พลบุตร” ส.ส.เพชรบุรี กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ที่โด่งดังจากการตรวจสอบปุ๋ยอินทรีย์ปลอม เริ่มต้น การสนทนากับทีมงาน “บิสิเนสไทย”

“อลงกรณ์” แต่งงานอย่างฮือฮากับนักการเมืองสาวสวยต่างพรรค “คมคาย เฟื่องประยูร” ส.ส.ชาติพัฒนา ลูกสาวนักการเมืองดังเมืองจันทร์บุรี “สนิท เฟื่องประยูร” เมื่อปี 2538 ท่ามกลางความอิจฉาของ บรรดา ส.ส.หนุ่มหลายคน

“การมีภรรยา เป็น ส.ส. ถือว่า เป็นความโชคดี เพราะทำให้เข้าใจกันดี ถึงชีวิตของนักการเมือง ที่มีเวลาให้กับครอบครัวไม่มากนัก” อลงกรณ์ กล่าว

เขาบอกว่า เวลาที่มีอยู่น้อยนิด พยายามอยู่ใกล้ชิดกับลูกให้มากที่สุด ตารางเวลาของเรา 2 คน จะเหมือนกัน วันอังคาร มีประชุมพรรค วันพุธ พฤหัสบดี ประชุมสภาผู้แทนฯ วันศุกร์ ต้องแยกย้ายกันลงพื้นที่ เมืองจันท์กับเพชรบุรี ลูก 3 คน ก็สลับกันรับผิดชอบ ตอนมี 2 คน “น้องพลอย” กับ “น้องเพชร” ก็จะแบ่งกันคนละสัปดาห์เมื่อมี 3 คน ก็จะไปด้วยกันทั้ง 3 แต่จะสลับไปเมืองจันท์ กับเมืองเพชร คนละสัปดาห์

“อลงกรณ์” บอกว่า เขา และภรรยา จะดูแลลูกทั้ง 3 คน ด้วยตัวเอง ตั้งแต่คลอด เพื่อให้พ่อ แม่ ลูก ได้ใกล้ชิดกัน เพราะรู้ดีว่า เวลาที่ 2 คน จะมีให้ลูกจะมีน้อย เมื่อมีโอกาสก็จะให้เวลากับลูกมากที่สุด วันจันทร์ตอนเย็น หลังจากลูกกลับจากโรงเรียน จะเป็นวันเดียวที่ทั้ง 5 คน มีโอกาสอยู่พร้อมหน้ากัน ก็อาจจะพาลูกไปทานข้าวนอกบ้านบ้าง แล้วแต่โอกาส อาจจะทำกิจกรรมร่วมกัน สอนการบ้านให้ลูก

“เวลาไปไหน ไม่ว่า ต่างจังหวัด หรือ ต่างประเทศ ก็จะต้องรีบกลับ อย่างไปอังกฤษ ไปพูดเรื่อง เอธานอล ผมจะไปถึงที่โน้นตอนสาย บ่ายขึ้นพูด พูดเสร็จก็ขึ้นเครื่องกลับทันที”อลงกรณ์ กล่าว

ส.ส.เพชรบุรี บอกว่า การเลี้ยงลูก จะ ผสมผสานกันระหว่างตะวันออกกับตะวันตก ตะวันออก ก็คือ จะดูแลเอาใจใส่เขาอย่างใกล้ชิด ส่วนแบบตะวันตก ก็พยายามสอนให้ ลูกรู้จักพึ่งตนเอง รู้จักคิดเอง และจะเน้นให้เรียนรู้ด้านเทคโนโลยี ให้ใช้คอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ต ตั้งแต่ยังเด็ก เพราะคนในยุคนี้ ต้องให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้เป็นหลัก รวมทั้ง จะให้เรียนรู้ภาษาต่างประเทศเป็นพิเศษ เพื่อที่เขาจะได้รับรู้โลกกว้างได้ดี

“ผมไม่ได้วางเป้าหมายให้ลูกว่า จะต้องมาเป็นนักการเมือง ขึ้นอยู่กับลูกที่จะตัดสินใจเอง เมื่อเขาโตขึ้น”อลงกรณ์ กล่าว

เขาบอกว่า ตอนนี้ ลูกได้เรียนรู้ทางการเมืองได้พอสมควร เสาร์-อาทิตย์ ก็ไปกับพ่อ แม่ เจอกับชาวบ้าน ไปช่วยแจกของให้ชาวบ้าน เวลามีประชุม หรือสัมมนาพรรค ก็พาไปด้วย ตอนนี้เขาก็รู้จักนักการเมืองเยอะแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่า เมื่อโตขึ้น เขาจะเลือกการเมือง หรือบางทีอาจจะไม่ชอบการเมืองไปเลยก็ได้” พ่อลูกสาม กล่าวถึงอนาคตของลูก