19.3.53

วิสัยทัศน์ อลงกรณ์ พลบุตร กับเส้นทางโครงการ " Creative Thailand " สู่เวทีโลก

วิสัยทัศน์ อลงกรณ์ พลบุตร กับเส้นทางโครงการ " Creative Thailand " สู่เวทีโลก
โอกาสนี้ คุณอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานเปิดงาน “Singha Light Present International Fashion Week & Music Festival” และเป็นหนึ่งในคณะทำงานที่เป็นหัวเรือใหญ่ของโครงการ Creative Thailand ได้ให้เกียรติเปิดเผยวิสัยทัศน์และแง่มุมต่างๆ ของเส้นทางครีเอทีฟ ไทยแลนด์สู่เวทีโลกกับทางเว็บไซต์ภูเก็ตบูลเลทินออนไลน์



B online : ก้าวแรกของโครงการ “Creative Thailand”
โครงการ Creative Thailand เป็นนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ตามนโยบายหลักของท่านนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในเรื่องของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือที่เรียกว่า Creative Economy ซึ่งขณะนี้ก็มีความคืบหน้าไปมาก โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ถือได้ว่าเป็นกระทรวงที่ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นพื้นฐานของแนวทางการสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ดังนั้น เราจึงจัดตั้งโครงการที่เรียกว่า “Creative Thailand” ขึ้น เพื่อผลักดันให้ประเทศ ไทยก้าวเข้าสู่สังคมแห่งการเรียนรู้และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะกิจกรรมที่จัดในประเทศ แต่ยังมีการจัดกิจกรรมในต่างประเทศที่เราได้สร้างความร่วมมือกับบรรดาประเทศต่างๆ ที่สนับสนุนในเรื่องของการสร้างสรรค์โดยพื้นฐานของทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศนั้นๆ ความร่วมมือเหล่านี้เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศ ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ คือ ตั้งแต่เรื่องของการมาช่วยด้าน Designing , Branding & Marketing โดยเราจะพยายามเกาะเกี่ยวไปกับแบรนด์ระดับโลกที่ดังอยู่แล้ว และตัวอย่างผลิตภัณฑ์ไหมไทย ในโครงการไหม ไทยสู่เส้นทางโลกที่เรากำลังพยายามผลักดันนี้ ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของสินค้าไทย ที่เข้าไปเชื่อมโยงกับแบรนด์ดังระดับโลก เพื่อให้คนทั่วโลกได้รู้จักเราเร็วขึ้น



B online : หมายความว่าตอนนี้ผลผลิตของโครงการ Crative Thailand ก็กำลังได้รับการตอบรับที่ดีจากนานาชาติ
ถูกต้องครับ เพราะว่า จริงๆแล้วถ้าพูดถึงสินค้าที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative economy) นั้นมีมูลค่าถึง 11% ของ GDP หรือประมาน 600,000-700,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นมูลค่าที่สูง เพราะฉะนั้นเราจึงมีโอกาสมาก อย่างกระทรวงพาณิชย์เรามีโครงการเรียกว่า IP Champion คือบริษัทไทยที่ส่งออกสินค้าบนพื้นฐานของ Creative Economy หรือเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งเพียงแค่ 10 บริษัทชั้นนำนี่ก็มีมูลค่าการส่งออกถึง 250,000 ล้าน ดังนั้นก็จะเห็นได้ว่า แนวทางของการส่งเสริมนี้เราได้มาถูกทางแล้ว และจะถือว่าเป็นแนวทางเศรษฐกิจใหม่ของประเทศก็ว่าได้



B online : อาจกล่าวได้ว่า สิ่งที่รัฐบาลทำขณะนี้คือการเข้าไปช่วยให้การสนับสนุนผู้ผลิต และดีไซเนอร์ที่มีความสามารถอยู่แล้วให้มีความสามารถมากขึ้นไปอีก โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ
ใช่ครับ เราสนับสนุนและพยายามที่จะให้บริษัท แฟชั่นเฮาส์ของไทยเข้ามามีส่วนร่วมแบบเคียงบ่าเคียงไหล่ เพราะว่าพวกเค้ามีความเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว รัฐบาลก็จะเข้าไปช่วยสนับสนุนในสิ่งที่เค้าขาด อย่างที่บอกคือ เราเริ่มตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ซึ่งตอนนี้ก็กำลังยกร่างโครงการการประกวดดีไซน์เนอร์ของประเทศขึ้นมา โดยตั้งรางวัลไว้สูงถึง 1 ล้านบาทสำหรับผู้ชนะ แล้วก็จะร่วมกับบรรดาบริษัทแบรนด์เนมระดับโลก และบริษัทแบรนด์เนมในประเทศไทยที่อยู่ในสาขาของแฟชั่นร่วมช่วยกันผลักดัน ซึ่งแฟชั่นในที่นี้หมายรวมถึง เครื่องประดับต่างๆ และอัญมณี ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีจุดแข็งมากที่เราส่งออกปีละ 2 แสนกว่าล้านบาท รวมไปถึงการดีไซน์ประเภท เครื่องหนัง กระเป๋า รองเท้าต่างๆ พร้อมกันนั้น ก็จะดึงดีไซเนอร์คนไทยในระดับโลกที่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา อย่างบางคนที่ได้ออกแบบให้กับ first lady ของประธานาธิบดี บารัก โอบามา หรือบางคนเป็นดีไซเนอร์สำหรับสินค้าแบรนด์เนมอย่าง DKNY ฯลฯ เราก็จะพยายามระดมความร่วมมือให้กลับมาช่วยในการพัฒนาด้านแฟชั่นของประเทศไทย



B online : ในทรรศนะของท่านคิดว่าสินค้าไทย แฟชั่นไทยที่กำลังพัฒนา ควรมีองค์ประกอบใดบ้างที่จะนำไปสู่การยอมรับในระดับสากลได้
เริ่มตั้งแต่เรื่อง Production ความเป็นมาตรฐานการผลิต การออกแบบตามเทรนด์ของโลก และตาม เทรนด์ของตลาดเป้าหมายของเรา ไปจนถึงเรื่องของการสร้างตราสินค้าขึ้นมา คือการ Branding จากนั้นก็คืองาน Marketing
ถ้าพูดถึงในส่วนของ Production ขณะนี้ส่วนใหญ่เราเป็น OEM (การรับจ้างผลิตสินค้าในตราผลิตภัณฑ์อื่น) ซึ่งโรงงานการผลิตของเราส่วนใหญ่นั้นมีมาตรฐานสูงมาก และเราก็เป็น OEM ให้กับแบรนด์ระดับโลกจำนวนไม่น้อย เพราะฉะนั้น บนพื้นฐานเหล่านี้ก็จะพยายามให้เป็น OBM ซึ่งหมายถึงการมีแบรนด์เป็นของตัวเอง ซึ่งก็ต้องผ่านกระบวนการโดยที่รัฐบาลสนับสนุนเกี่ยวกับเรื่องของการจัดประกวดดีไซเนอร์ การจัดประกวดแฟชั่น การจัดแฟชั่นโชว์ และก็ไม่ใช่จัดเฉพาะในประเทศไทยอย่างเดียวนะครับ เรามีแผนที่จะไปจัดกิจกรรมลักษณะนี้ในต่างประเทศด้วย ซึ่งตอนนี้เราก็กำลังพิจารณาว่า เดิมทีเราจัดไทยเทรดแฟร์ในทั่วทุกภูมิภาคของโลก แต่ส่วนใหญ่ไปขายของขายสินค้า แต่ตอนนี้เรากำลังพิจารณาที่จะสร้างความมีสีสันโดยจะให้เอาการจัดแฟชั่นโชว์เข้าไปเสริม สิ่งนี้ก็จะทำให้พวกการอุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมเสื้อผ้าแฟชั่น แล้วก็เครื่องหนัง ตลอดจนอัญมณีเครื่องประดับสามารถที่จะเดินไปพร้อมกันได้ รวมไปถึงการส่งเสริมเรื่องแฟชั่นให้ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวในอนาคตด้วย



B online : ท่านคิดว่า production ด้านครีเอฟของไทยบางส่วนที่ยังไม่เป็นที่ยอมรับสู่สากลนั้น ยังมีส่วนไหนบ้างที่ต้องปรับปรุง
ผมคิดว่าการสนับสนุนในภาครัฐนี่แหละที่ยังต้องปรับปรุง เพราะฉะนั้น เมื่อรัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับเรื่อง Creative Economy แล้วเนี่ย ปัญหานี้ก็คงจะหมดไป โดยเฉพาะงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เรียกว่า “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” หรือแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการจัดงบให้กับโครงการด้าน Creative Economy ดังนั้นก็ถือว่า ท่านนายกรัฐมนตรีท่านได้กำหนดเป็นวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์และเริ่มมีงบประมาณสนับสนุน โดยที่ทำงานร่วมกันก็จะมีท่านอภิรักษ์ โกษะโยธิน ซึ่งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเป็นกำลังสำคัญ ซึ่งผมคิดว่าการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์คงจะไปได้ดีขึ้นกว่าในอดีต



B online : ในเรื่องของการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อผลงานของครีเอทีฟของเราก้าวเข้าสู่เวทีโลกแล้ว เราจะมีการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของคนไทยอย่างไร
...สำหรับเรื่องนี้ก็ได้ใช้มาตรการทั้งในเรื่องของการป้องกันและปราบปราม ควบคู่ไปกับเรื่องของการให้การศึกษา
เพื่อให้สังคมไทยได้เข้าใจถึงความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญา เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราไปสู่ตลาดโลก เราก็ย่อมต้องการคุ้มครองเช่นกัน ขณะเดียวกัน การที่เราพยายามที่จะคุ้มครองเจ้าของลิขสิทธิ์ เช่น พวกเทปเพลง ซีดีเพลง ภาพยนตร์ก็ดี หรือการคุ้มครองในเรื่องของเครื่องหมายการค้า เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า สารพัดอย่างเหล่านี้ก็เพื่อที่จะให้คนไทยได้กล้า และคิดว่ามันคุ้มค่าที่เค้าจะประดิษฐ์คิดค้นสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมา ถ้าเราไม่คุ้มครอง เค้าก็จะถูกปล้นทางความคิดและก็จะไม่คิด และเกิดความรู้สึกว่า งั้นเราก๊อปปี้ดีกว่า มันก็จะทำให้เราอ่อนแอลงทุกวันๆ


B online : อย่างในตอนนี้แฟชั่นของต่างประเทศอย่างเกาหลีและญี่ปุ่นกำลังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นไทย ท่านคิดว่าเรามีโอกาสก้าวทันประเทศเหล่านั้นไหม
ผมคิดว่าเรามีโอกาสมากที่จะก้าวทันประเทศเหล่านั้นถ้านโยบายของรัฐบาลมีความต่อเนื่อง และถือเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกรัฐบาลจะต้อง สานต่อและมีการสนับสนุนงบประมาณให้เกิดการลงทุนต่อเนื่อง อย่างในประเทศเกาหลี ความจริงก็ยังพัฒนาด้านครีเอทีฟไปได้ไม่กี่สาขาและยังแข่งขันอยู่ในแวดวงเอเชีย ยังไม่ได้ก้าวไปสู่ในระดับตลาดโลกอย่างแท้จริง ฉะนั้น ประเทศไทยก็ยังมีโอกาสอยู่มาก ยกตัวอย่างในเรื่องอาหาร อาหารไทยของเราก็ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติไม่แพ้ชาติใด ฉะนั้นอาหารไทยก็จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ครีเอทีฟไทยแลนด์ ที่รัฐบาลจะสนับสนุนให้ขับเคลื่อนไปสู่การยอมรับในสากลเช่นกัน เพราะฉะนั้นคิดว่าเรายังขับเคลื่อนโครงการครีเอทีฟไทยแลนด์ไปได้อีกหลายสาขา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งสำคัญอยู่ที่การสนับสนุนของรัฐบาลและความต่อเนื่องของนโยบาย



B online : โครงการต่อไปที่กระทรวงพาณิชย์และรัฐบาลมีแผนจะสนับสนุน ผลิตภัณฑ์อันเกิดจากความคิดของคนไทยให้ก้าวสู่เส้นทางสากล
โครงการครีเอทีฟไทยแลนด์ ของกระทรวงพาณิชย์ ต้องการที่จะสนับสนุนใน 12 สาขา ไม่ใช่เฉพาะแฟชั่นเท่านั้น ทางด้านของ animation , computer graphic , ภาพยนตร์ ฯลฯ เราก็มีแผนจัดกิจกรรมต่างๆ ขึ้นให้นักสร้างสรรค์ได้แสดงออก อย่างในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ก็จะมีการจัดงาน Thailand Entertainment Expo ซึ่งเน้นไปในเรื่องของดนตรี ภาพยนตร์แอนิเมชั่น คอมพิวเตอร์กราฟฟิค การ์ตูนคาแร๊กเตอร์ โดยที่กระทรวงพาณิชย์เป็นสปอนเซอร์ในการจัด นอกจากนี้ ยังมีการจัดแฟชั่น “เอเชี่ยน แฟชั่น ฟรอต เทรดแฟร์” ซึ่งถือว่าเป็นงานแรกที่จัดขึ้นในรูปแบบของเอเชี่ยน เทรดแฟร์ ที่เน้นไปในเรื่องของแฟชั่น ซึ่งก็จะเป็นอีกความเคลื่อนไหวหนึ่งที่จะทำให้เกิดการขับเคลื่อนในเรื่องนี้อย่างมาก หรือว่าทางด้านผลิตภัณฑ์โอทอป ก็มีโครงการ Creative Otop คือจะคัดเลือกโอทอป ในระดับ 5 ดาว เพื่อต่อยอดไปสู่การส่งออก เพราะฉะนั้นก็จะมีการสนับสนุนการปรับปรุงทั้งทางด้าน packaging designing และการทำ marketing ในระดับสากล นี่เป็นตัวอย่างกิจกรรมที่เรามีแผนที่จะจัดขึ้นโดยตลอด ซึ่งทุกโครงการนั้น รวบรวมอยู่ในนโยบาย “Creative Thailand“



เมื่อความคิดสร้างสรรค์ได้รับการส่งเสริมให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนเศรษฐกิจแบบ “Creative Economy” ในวันนี้ หากทั้งภาครัฐและเอกชนช่วยกันผลักดันให้มีกิจกรรมดีๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและจริงจัง เชื่อว่า เป้าหมายที่ต้องการให้ความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย โชว์ศักยภาพให้เป็นที่ยอมรับในเวทีโลกนั้น คงไม่ไกลเกินไป...


http://www.phuketbulletin.co.th/people/view.php?id=373